Essay ในครั้งนี้จะลง Website ในวันที่ 9 พ.ย. 2567 ซึ่งอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดอายุครบ 49 ปีของดิฉัน
การดำเนินธุรกิจในเมืองไทยเป็นเวลา 20 กว่าปีสามารถเดินหน้าต่อไปได้ก็เพราะลูกค้าและพนักงาน
เมื่อมองย้อนกลับไป ก็เหมือนกับการเล่นจริงโดยไม่มีโอกาสได้ซ้อม
สิ่งเหล่านี้ได้สร้างตัวตนของดิฉันขึ้นมา ให้เดินทางมาถึงในจุดนี้
เมื่อเริ่มทำธุรกิจในวัย 20 กว่าปี ดิฉันแค่เต็มที่กับทุกอย่างที่ตั้งใจ แต่ยิ่งอายุมากขึ้น
ดิฉันยิ่งรู้สึกว่าการใช้ชีวิตแบบมีจุดมุ่งหมายเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
คำว่า “เล่นจริงโดยไม่มีการซ้อม” บางครั้งถูกมองว่าเป็นเรื่องของความบังเอิญหรือโชคชะตา
แต่แท้จริงแล้วพื้นฐานที่เป็นตัวกำหนดคือการเลือกสรรสิ่งต่างๆ ในแต่ละวัน
ดิฉันเริ่มต้นธุรกิจตอนอายุ 25 ปี ซึ่งทุกวันเต็มที่กับทุกสิ่ง
โดยที่ยังไม่รู้ว่าการเลือกสรรสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละวันจะมีผลกระทบแค่ไหน
แต่เมื่อมีประสบการณ์มากขึ้น ดิฉันจึงได้เรียนรู้ว่าการตัดสินใจในแต่ละครั้งโดยถามตัวเองว่า
“ทำไมต้องเลือกแบบนี้” จะทำให้ผลลัพธ์เป็นไปตามที่หวังไว้
การดำเนินธุรกิจทำให้ดิฉันตระหนักได้ว่าต้องจัดการปัญหาตรงหน้าอย่างไรจึงจะนำไปสู่ก้าวต่อไป
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อใดก็ตามที่มีความท้าทายในการทำโปรเจกต์ใหม่
ดิฉันจะถามตัวเองว่า “การท้าทายในครั้งนี้จะนำไปสู่อะไร” และเลือกเส้นทางอย่างตั้งใจ
ชีวิตของเราเต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนต่างๆ แต่เราควรรับมือกับสิ่งที่ตามมาอย่างมีจุดมุ่งหมาย
ถ้าเปรียบเทียบชีวิตของเราเป็นรถยนต์
คนขับก็คือตัวเรา จะหมุนพวงมาลัยของชีวิตไปในเส้นทางใด ก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเอง
สำหรับดิฉัน การก่อตั้งธุรกิจที่เมืองไทยก็เหมือนกับการเล่นจริงโดยไม่มีการซ้อม
เมื่อมองย้อนกลับไป จะพบว่าจุดมุ่งหมายของเราสำคัญอย่างยิ่ง ไม่ใช่ว่าไหลไปตามกระแสของคนอื่น
การใช้ชีวิตโดยการตัดสินใจด้วยตนเองจึงเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ชีวิตมีคุณค่า
เมื่ออายุใกล้จะครบ 49 ปี ดิฉันยิ่งตระหนักว่าชีวิตมีเพียงครั้งเดียว
และเป็นการเล่นจริงโดยไม่มีการซ้อม เสมือนอยู่บนเวทีตลอด
การใช้ชีวิตโดยมีจุดมุ่งหมายจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อให้แต่ละเสี้ยววินาทีมีความหมาย
ดิฉันไม่เสียใจกับสิ่งที่เคยเลือกหรือเส้นทางชีวิตที่ผ่านมา
ในทางกลับกัน ต่อจากนี้ดิฉันจะยังคงท้าทายอย่างเต็มที่เพื่อสร้างชีวิตที่เปี่ยมด้วยคุณค่าและมีจุดมุ่งหมาย
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่านนะคะ

