สำหรับการทำงานในบริษัท การมีทัศนคติเชิงรุกในการทำงานนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก
คนที่ลงมือทำงานด้วยทัศนคติเชิงรุก จะไม่เอาแต่รอคำสั่งของหัวหน้าเพียงอย่างเดียว
แต่จะคิดด้วยตนเองและลงมือทำด้วยความกระตือรือร้น มีความรับผิดชอบเพื่อให้งานสำเร็จลุล่วง
ในทางกลับกัน คนที่รอแต่คำสั่งของหัวหน้าจะเป็นวิธีการทำงานเชิงรับที่หากไม่ได้รับคำสั่งอย่างเป็นรูปธรรมจากหัวหน้า
งานก็จะไม่คืบหน้าต่อไป
ความแตกต่างของคนทั้งสองแบบนี้จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อประสิทธิภาพการทำงานในแต่ละวัน
รวมถึงผลสำเร็จของทีมด้วย
ยกตัวอย่างเช่น ในงานๆ หนึ่ง คุณ A เอาแต่รอคำสั่งจนไม่ลงมือทำอะไรเลย ซึ่งอาจทำให้งานคืบหน้าช้าลง
ในทางกลับกัน คุณ B ได้ลงมือสำรวจด้วยตนเอง
วางแผนล่วงหน้าพร้อมคาดการณ์ถึงขั้นตอนถัดไปก่อนที่จะได้รับคำสั่งจากหัวหน้า
ผลลัพธ์ที่ออกมาคือทางคุณ B ทุ่มเทให้กับความคืบหน้าของงานนั้นมากกว่า
ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากหัวหน้าด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ การทำงานด้วยทัศนคติเชิงรุกเองก็มีความสำคัญต่อการตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วยเช่นกัน
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อได้รับคำปรึกษาจากลูกค้าเจ้าหนึ่งเกี่ยวกับโปรเจกต์ใหม่
คุณ C ไม่เริ่มทำอะไรเลยหากไม่ได้รับคำสั่งจากลูกค้าทีละอย่าง
จนต้องติดต่อกับลูกค้าซ้ำแล้วซ้ำอีก จนในท้ายที่สุดก็ถูกร้องเรียนจากลูกค้า
ในทางกลับกัน คุณ D ได้พยายามอ่านความต้องการของลูกค้าล่วงหน้า
รวมถึงคาดการณ์สิ่งที่ลูกค้าต้องการและนำเสนอเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหาในภายหลัง
ผลที่ได้คือการช่วยแบ่งเบาภาระของลูกค้า และงานก็ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น
การทำความเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าและลงมือทำด้วยทัศนคติเชิงรุก
จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ที่ไว้เนื้อเชื่อใจกันกับบริษัทและบุคคลที่ร่วมงานด้วย
ซึ่งส่งผลต่อการประเมินของบริษัทด้วยเช่นกัน
การทำงานด้วยทัศนคติเชิงรุกจะช่วยให้ตัวเราพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว
การที่เราพยายามศึกษาหาความรู้ใหม่ๆ อย่างกระตือรือร้นเพื่อขัดเกลาทักษะของตนเอง
จะช่วยขยายโอกาสในหน้าที่การงานด้วยเช่นกัน
เช่น เมื่อต้องรับมือกับงานใหม่ๆ การคิดและพยายามทำอะไรบางอย่างด้วยตนเองโดยไม่เอาแต่รอคำสั่งของคนอื่น
คุณจะสามารถเป็นที่พึ่งให้กับคนรอบข้างได้ และยังได้รับโอกาสต่างๆ มากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
นอกจากนี้ การทำงานด้วยทัศนคติเชิงรุกยังมีความสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ที่ไว้เนื้อเชื่อใจกันกับคนรอบข้างอีกด้วย
คนที่คิดและลงมือทำด้วยตนเอง จะได้รับความไว้วางใจจากเพื่อนรวมงานและหัวหน้า ซึ่งทำให้การประเมินภายในทีมสูงขึ้นด้วย
จากนั้นก็จะได้รับมอบหมายงานที่มีความรับผิดชอบมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่สภาพแวดล้อมที่ตัวเราจะสามารถเติบโตขึ้นไปอีกได้
ในท้ายที่สุด การที่พนักงานแต่ละคนทำงานด้วยทัศนคติเชิงรุกก็จะนำไปสู่การเติบโตของทั้งบริษัทด้วยเช่นกัน
การที่แต่ละคนลงมือทำด้วยตนเอง นำเสนอไอเดียใหม่ๆ หรือแผนการปรับปรุงออกมา
จะช่วยให้ทีมบรรลุผลลัพธ์ที่ดีขึ้น จนเกิดเป็นแรงกระตุ้นให้กับทั้งบริษัท
ดิฉันคิดว่าการที่เราทำงานด้วยทัศนคติเชิงรุกจะช่วยให้เราเข้าใกล้ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่
ได้ทั้งในฐานะบุคคลและในฐานะบริษัทด้วยเช่นกัน
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่านนะคะ


