สวัสดีค่ะทุกท่าน Essay ในครั้งนี้คือ “ถ้าไม่มีการท้าทาย จะไม่มีการเริ่มต้น”

ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ดิฉันได้เดินทางไปทำงานที่ประเทศสิงคโปร์
ซึ่งสิ่งที่ทำให้ดิฉันประหลาดใจมากที่สุดระหว่างอยู่ที่สิงคโปร์ คือ ความรวดเร็ว
โดยเฉพาะความเร็วในการนำสิ่งใหม่มาทดลองใช้ และถ้าใช้งานไม่ได้จะเลิกใช้ทันที

อย่างที่สนามบิน จะไม่ค่อยมีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง
และดำเนินการด้วยระบบอัตโนมัติเป็นส่วนใหญ่ และดิฉันทราบมาว่า
บาง Terminal ที่จะใช้เดินทางออกนอกเมืองก็เป็นระบบอัตโนมัติทั้งหมด

นอกจากนี้ ยังมีการใช้หุ่นยนต์แทนตำรวจจราจรคอยดูแลพื้นที่ที่กำหนด
(เขตห้ามจอดรถ) ถ้ามีรถมาจอดในพื้นที่ดังกล่าวในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
หุ่นยนต์จะถ่ายรูปไว้และเรียกเก็บค่าปรับ

หรือเวลา Check in ที่โรงแรม แม้จะมีเจ้าหน้าที่เพียงคนเดียว
ก็สามารถ Check in ด้วยระบบได้เช่นกัน เพียงแค่ใช้ PC
สแกนหนังสือเดินทางก็สามารถแสดงข้อมูลการจองได้
ที่เหลือก็แค่ชำระเงินด้วยบัตรเครดิต

ที่ประเทศญี่ปุ่นการใช้บริการ Grab ไม่สามารถทำได้เนื่องจากบทบัญญัติ
และการคัดค้านในวงการขนส่ง แต่ที่สิงคโปร์มีบริการอยู่หลากหลาย
เหมือนบริการ Food Delivery ในประเทศไทยที่มักจะเห็นได้บ่อยๆ
โดยที่สิงคโปร์มีทั้ง Taxi และ Grab ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกเองได้
และการที่มีตัวเลือกก็ทำให้เกิดการปรับตัวและการแข่งขัน

นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมามีคนหันมาใช้สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าและมีที่จอดให้เป็นจำนวนมาก
แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้ง ก็มีการห้ามใช้และหมดไปในทันที

ประเทศสิงคโปร์อาจใช้แนวทาง “ลองผิดลองถูก” สำหรับสิ่งที่บางประเทศอาจทำไม่ได้
เพราะบทบัญญัติหรืออิทธิพลของแต่ละวงการในประเทศนั้น
ดิฉันจึงชอบที่สิงคโปร์ทำการทดสอบสิ่งต่างๆ
แม้จะไม่มีใครคาดเดาได้ว่าผลของการดำเนินการรูปแบบใหม่จะเป็นอย่างไร
แต่ถ้าไม่เริ่มต้น ก็ไม่มีทางรู้ได้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมักจะไม่ตรงกับสิ่งที่คิด
และประเทศจะได้สั่งสมประสบการณ์

เช่นเดียวกับบุคลากรของเรา ถ้าไม่ท้าทายก็ไม่มีการเริ่มต้น ไม่ได้เรียนรู้
และถูกปิดโอกาส ทุกอย่างจึงไม่ใช่แค่ลงมือทำ…แต่ต้องมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน
และวางแผนจึงจะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทหรือการใช้ชีวิต เป็นเช่นเดียวกัน

ดิฉันหวังว่าเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่านนะคะ

 

admin
Author: admin

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่